การใช้สมุนไพรเป็นตำรับ

การใช้สมุนไพรเป็นตำรับ

การใช้สมุนไพร ควรใช้เป็นตำรับ ไม่ควรใช้ สมุนไพรเพียงชนิดเดียว ซึ่งไม่เคยปรากฏในตำราแพทย์แผนโบราณเลย แต่ในปัจจุบันเป็นที่แพร่หลายกันมาก เนื่องจาก

1. เป็นการเริ่มต้นใหม่หมด ด้วยการใช้แนวความคิดตามอย่างฝรั่ง ซึ่งโดยพื้นฐานของฝรั่งเอง ก็ไม่มีความรู้เรื่องสมุนไพรตำรับ หรือสูตรสมุนไพรต่าง ๆ เพราะฝรั่งเองได้ละทิ้งความรู้แบบโบราณของตนเองไปหมด จนหาแหล่งความรู้ไม่พบแล้ว จึงเริ่มต้นใหม่ด้วยแนวทางวิทยาศาสตร์ และพยายามเจาะลึกให้ได้ว่ามีสารออกฤทธิ์อะไรบ้าง สารนั้นมีกระบวนการทำงานในร่างกายอย่างไร จึงต้องวิจัยทีละชนิด ถ้าสมุนไพรปนกันจะวิเคราะห์สารออกฤทธิ์ไม่ถูก และสารเคมีที่ปะปนกัน อาจสร้างปฏิกิริยาระหว่างกัน ทำให้สลับซับซ้อนเกินปัญญา และ ภูมิความรู้ ที่มีอยู่

2. ด้วยแนวคิดเหมือนยาเคมี คือใช้สารเคมีชนิดเดียวในการรักษาโรคหนึ่งอาการ หรืออาการเดียวกันนั้นอาจใช้เคมีชนิดอื่น ๆ แต่ใช้ชนิดเดียวเท่านั้น เพื่อไม่ให้เกิดปฏิกิริยาเคมีระหว่างสารเคมีต่างชนิด และสะดวกต่อการวิเคราะห์ปัญหา ที่อาจเกิดจากการใช้ยาเคมีหนึ่งชนิดได้ชัดเจน

แนวความคิดทั้ง 2 ประเด็นนี้จึงถูกนำมาใช้กับสมุนไพรด้วย คือใช้ชนิดเดียว โดดๆ และเผยแพร่กันไปทั่วโลก ในขณะที่สมุนไพรตำรับต่าง ๆ ของเอเชีย ไม่ได้รับการต้อนรับจากฝรั่งมากนัก และต่อเนื่องมาถึงเอเชียด้วย ทั้ง ๆที่คนเอเชียรู้จักสมุนไพรต่าง ๆ มากมาย และใช้กันตามที่ได้รับการถ่ายทอดจากบรรพบุรุษ และคัมภีร์ ตำรับ ตำราที่มีอยู่ ถึงแม้หลายตำรับที่ใช้ได้ผลก็ตาม แต่ไม่มีงานวิจัยตามหลัก หรือแนวคิด อย่างแพทย์ปัจจุบัน ที่เก็บบันทึกไว้อย่างเป็นระบบตามแนวทางวิทยาศาสตร์ ตามที่เป็นข้อกำหนดของการผลิตยาแผนปัจจุบัน จึงสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้บริโภคค่อนข้างยาก เพราะผู้วิจัยพัฒนา และผู้ใช้ ผู้บริโภค ต่างก็เดินตามแนวความคิดของฝรั่ง ประกอบกับไม่เชื่อประวัติศาสตร์ ไม่เชื่อตำราเก่า ๆ ของบรรพบุรุษ ถึงกับบางครั้งก็ว่าไร้สาระ ทั้งนี้ก็ด้วยความเชื่อมั่นในตนเอง ที่มีความรู้และความเชื่อถือในความเป็นวิทยาศาสตร์อยู่มาก 

งานวิจัยสมุนไพรตำรับ ที่หลายคนอยากทำ ก็ติดปัญหาอยู่ที่การตั้งแนวคิดตามอย่างฝรั่ง ที่เน้นการวิจัยในแนวลึก งานวิจัยเพื่อวิเคราะห์ และพิสูจน์ฤทธิ์ของสมุนไพรตำรับต่าง ๆ จึงไม่เกิดขึ้น เพราะยุ่งยากและสลับซับซ้อนเกินกว่าความรู้ปัจจุบันที่จะวิเคราะห์ เจาะตามแนวลึกได้ และต้องใช้เวลา นับ 10 ปี ด้วยเงินลงทุนอีกมหาศาล ตลอดจนอาจจะไม่มีทางสำเร็จอีกด้วย จึงยิ่งเป็นการสนับสนุนการวิจัยเพื่อใช้สมุนไพรตัวเดียวมากยิ่งขึ้น

เท่าที่ผ่านมาการใช้สมุนไพรเดี่ยว ก็ประสพความสำเร็จที่สูงอย่างน่าพอใจ สามารถเผยแพร่ให้ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว และสร้างความเชื่อถือได้มาก แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีผลการตรวจสอบสมุนไพรที่นิยมใช้แบบเดี่ยว ๆ หลายชนิดที่น่าเป็นห่วง คือ เมื่อตรวจสอบการใช้ในระยะยาว กลับพบปัญหาความเป็นพิษ ในประเทศไทย มีรายงานถึงอันตรายจากการใช้สมุนไพรเดี่ยวออกมาแทบทุกปี พบว่า บอระเพ็ดเดี่ยว ขี้เหล็กเดี่ยว มีผลต่อตับ แต่ในประเทศจีนไม่เคยพบว่ามีการใช้สมุนไพรเดี่ยวเลย เนื่องจากการจัดตำรับยา หรือเทียบยาให้คนไข้ หมอจีนจะต้องสังเกตสมดุล 3 ประการ คือ ตัวบุคคลหรือธาตุประจำตัว ฤดูกาลหรือเวลา และสถานที่สิ่งแวดล้อม หรือภูมิอากาศ ประกอบกัน จึงต้องใช้สมุนไพรหลายชนิดสร้างสมดุลของเทียบยา หรือสูตรตำรับยา สำหรับคนไข้นั้น หรือแม้แต่ในศิลาจารึกในวัดโพธิ์ ก็ไม่ปรากฏว่ามีจารึกใดที่เป็นการใช้สมุนไพรเดี่ยวอยู่เลย

จึงสรุปได้ว่าการใช้ยาสมุนไพรควรใช้เป็นตำรับตามอย่างบรรพบุรุษ จะเป็นการปลอดภัยต่อสุขภาพที่สุด การที่จะใช้สมุนไพรเป็นตำรับแล้วพิสูจน์ หรือวิเคราะห์ สารสำคัญไม่ได้ แล้วจะทึกทักว่าไม่เป็นวิทยาศาสตร์ ย่อมไม่ถูกต้อง แต่เป็นเพราะภูมิปัญญาเราไม่สามารถวิเคราะห์ธรรมชาติได้ในแนวลึกอย่างที่อยากจะทำ เมื่อทำไม่ได้ แล้วไม่ยอมทำต่อไป ก็ด่วนสรุปว่าไม่เป็นวิทยาศาสตร์ พร้อมกับกล่าวหาว่า ผู้ที่พยายามทำอยู่ไม่มีความน่าเชื่อถือ ก็น่าจะต้องพิจารณาตนเองให้ถ่องแท้เสียใหม่

อนึ่งการใช้สมุนไพรตามอย่างบรรพบุรุษ ก็นับว่าเป็นวิทยาศาสตร์ทางสถิติอย่างหนึ่ง เนื่องจากท่านก็ลองผิดลองถูก เหมือนที่นักวิทยาศาสตร์ ใช้คำว่า “ การตั้งสมมุติฐาน “ และคนโบราณได้ตั้งสมมุติฐาน รวมทั้งพิสูจน์ผลงานของท่าน มานับร้อยนับพันปีแล้ว สถิติแบบนี้น่าเชื่อถือได้ และมีเหตุผลพอต่อการทำการวิเคราะห์ วิจัย พัฒนาต่อไปหรือไม่ การที่เราใช้กันตามอย่างฝรั่ง เพราะเราบูชาฝรั่ง และติดอยู่ในกรอบความคิดแบบวิทยาศาสตร์ของตะวันตก ถึงเวลาที่เราจะใช้ภูมิปัญญาตะวันออก ปลดเปลื้องตัวเองจากกรอบตะวันตก แล้วเร่งมือสร้างสรรวิทยาศาสตร์แบบตะวันออกได้แล้ว 

ในระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าสมุนไพรนำเข้าหลายตรายี่ห้อ ก็เริ่มผสมกันตั้งแต่ 2 ขนิดขึ้นไปแล้ว การเปลี่ยนแปรที่ชัดเจนนี้ ทำให้คนไทยมองเห็นภูมิปัญญาของฝรั่งได้ชัดเจนหรือยัง เราเห็นหรือยังว่า ในที่สุดฝรั่งก็เริ่มใช้ตำรับผสมเหมือนยาไทย เหมือนยาจีน ที่เขาทำมานับพันปีแล้ว เรายังต้องบูชาฝรั่ง เพื่อบูชายัญตัวเองไปอีกนานเท่าใด

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *